โทรศัพท์

099-6317827

อีเมล์

G7899@gmail.com

เวลาเปิด

จันทร์ - ศุกร์: 8:30 - 17:00

  1. การสูญเสียสารอาหารได้ง่าย ปุ๋ยน้ำสามารถถูกชะล้างได้ง่ายเมื่อฝนตกหนักหรือน้ำท่วม ทำให้สารอาหารที่ให้กับพืชสูญหายไปโดยไม่ทันถูกดูดซึม ส่งผลให้ต้องใช้ปุ๋ยน้ำบ่อยครั้งกว่า เพื่อชดเชยสารอาหารที่สูญเสีย
  2. ต้องใช้บ่อยและต่อเนื่อง เนื่องจากปุ๋ยน้ำสามารถดูดซึมได้รวดเร็ว และไม่ตกค้างในดิน จึงต้องใช้บ่อยและสม่ำเสมอ เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ย และการจัดการในระยะยาว
  3. ความเข้มข้นของปุ๋ยน้ำอาจทำให้พืชเกิดความเสียหาย หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง หรือใช้ในความเข้มข้นที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการใบไหม้หรือรากเสียหายได้ โดยเฉพาะพืชที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของปริมาณสารอาหาร
  4. การจัดเก็บ และการใช้งานยุ่งยากกว่า ปุ๋ยน้ำต้องการการจัดเก็บที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการตกตะกอนและการเสื่อมสภาพ และต้องการอุปกรณ์เสริมสำหรับการผสมและการใช้งาน เช่น ระบบชลประทาน สเปรย์ หรือเครื่องฉีดพ่น ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุน และความซับซ้อนในการใช้งาน
  5. อายุการเก็บรักษาสั้นกว่า ปุ๋ยน้ำมักมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปุ๋ยเคมีชนิดเม็ด เนื่องจากสารอาหารในปุ๋ยน้ำอาจเสื่อมสภาพ หรือตกตะกอนหากเก็บรักษาไม่ดี ทำให้ต้องซื้อและใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญเสียคุณภาพ
  6. เพิ่มความเสี่ยงของการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ หากไม่มีการควบคุมการใช้อย่างเหมาะสม ปุ๋ยน้ำอาจไหลลงสู่แหล่งน้ำและทำให้เกิดการปนเปื้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
  7. ต้องการความรู้ในการผสมและใช้ การใช้งานปุ๋ยน้ำอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับสัดส่วน และวิธีการผสมที่ถูกต้อง หากไม่มีความรู้ที่เพียงพอ อาจทำให้เกิดปัญหาต่อการเจริญเติบโตของพืชได้

บทความแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *